“กอบกาญจน์” เร่งตลาดรอบทิศ หนุนทั้งปี “รายได้” พุ่งแตะเป้าปี′60
จากที่รัฐบาลได้ตั้งเป้ารายได้จากภาคการท่องเที่ยวของไทยในปีนี้ที่ 2.3 ล้านล้านบาท ทำให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ที่เป็นหัวขบวนใหญ่จำเป็นต้องเร่งขับเคลื่อน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ไม่ว่าจะเป็นความพยายามในการรักษาฐานนักท่องเที่ยวเดิมไว้ การหาแนวทางเพื่อเพิ่มนักท่องเที่ยวในตลาดใหม่ ๆ การวางยุทธศาสตร์เพื่อเพิ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพรวมทั้งความพยายามในการส่งเสริมและกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศในกลุ่มคนไทยให้เพิ่มมากขึ้น
อัดแคมเปญหนุน “โลว์ซีซั่น”
“กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา บอกว่า จากรายงานของกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวฯระบุว่า มูลค่าการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นในช่วงวันหยุดยาว ระหว่าง 5-9 พฤษภาคมที่ผ่านมา มีมูลค่ารวม 2.68 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นจากตลาดต่างประเทศ 1.54 หมื่นล้านบาท และตลาดในประเทศ 1.14 หมื่นล้านบาทโดยตลาดต่างประเทศนั้นจำนวนนักท่องเที่ยวขยายตัวเพิ่มขึ้น 8% ขณะที่มูลค่าของรายได้เพิ่มขึ้น 13% ส่วนตลาดในประเทศ หรือไทยเที่ยวไทย จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 14% มูลค่ารายได้เพิ่มขึ้น 11%
นั่นหมายความว่า สำหรับตลาดไทยเที่ยวไทยนั้น มีอัตราการใช้จ่ายต่อหัวที่ลดต่ำลง ซึ่งอาจจะเป็นผลมาจากต้นทุนการเดินทางท่องเที่ยวที่ต่ำลง ทั้งจากราคาตั๋วเครื่องบิน ห้องพัก ฯลฯ รวมถึงภาวะเศรษฐกิจในประเทศและผลกระทบจากภัยแล้ง
อย่างไรก็ตาม “กอบกาญจน์” ยังย้ำชัดว่า ตลาดท่องเที่ยวในประเทศยังคงเป็นตลาดหลักที่มีความสำคัญในการสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ
ดังนั้น ทางกระทรวงจึงยังต้องให้การสนับสนุนและส่งเสริมการทำตลาดในประเทศอย่างหนัก โดยเฉพาะในช่วงโลว์ซีซั่นนี้ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนงาน “วันธรรมดา น่าเที่ยว” ที่เน้นขายแพ็กเกจท่องเที่ยวในประเทศในช่วงวันธรรมดาราคาพิเศษ ที่จัดขึ้นเมื่อ 12-14 พฤษภาคมที่ผ่านมา ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
กิจกรรม “ไทยเที่ยวไทย” ภายใต้แคมเปญ “รวมใจเที่ยวไทย” ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่จะช่วยสนับสนุนให้คนไทยเกิดการเดินทางท่องเที่ยวต่อเนื่องทุกเดือนตลอดทั้งปี
โครงการ Amazing Thai Taste ที่จะส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวรู้จักและบริโภคอาหารไทยและผลไม้ไทยเพิ่มขึ้น และช่วยกระจายรายได้สู่ภาคเกษตรและชุมชน
นอกจากนี้ยังเตรียมเปิดตัวโครงการ “ตลาดคลองผดุงกรุงเกษม” ระหว่าง 3-24 มิถุนายนนี้ ที่คลองผดุงกรุงเกษม โดยงานนี้ทางกระทรวงได้ร่วมกับหน่วยงานในสังกัดจัดหาสินค้าที่น่าสนใจทั้งด้านการท่องเที่ยวและกีฬามานำเสนออีกทั้งยังเป็นการสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อยเกษตรกร ได้มีแหล่งจำหน่ายสินค้าสร้างรายได้เพิ่ม และพัฒนาสินค้าสู่ผู้บริโภคโดยตรง
เร่งต่อยอด Sport Tourism
นอกจากการตลาดด้านการท่องเที่ยวแล้ว ล่าสุดกระทรวงยังได้ยื่นเสนอเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน Air Race 1 ซึ่งเป็นการแข่งขันเครื่องบินที่ยิ่งใหญ่และนับเป็นกีฬาประเภทมอเตอร์สปอร์ตที่มีความเร็วที่สุดในโลก หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ การแข่งขันฟอร์มูล่า-1 ของเครื่องบิน ในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ ในงานมหกรรมเรือนานาชาติ ที่ฐานทัพเรือสัตหีบ และสนามบินอู่ตะเภา จังหวัดชลบุรี
โดยในปี 2559 นี้ประเทศไทยจะเป็นประเทศแรกในภูมิภาคอาเซียนที่ได้มีโอกาสจัดการแข่งขันการบิน Air Race 1 ในลักษณะ Pre-Event และการแข่งขันสนามเก็บคะแนนชิงแชมป์โลกจะมีขึ้นในปี 2560
การลงทุนเป็นเจ้าภาพจัดงานดังกล่าวนี้จะสอดรับกับยุทธศาสตร์ที่ทำให้ไทยเป็น Sport Hub หรือ Sport Destination พร้อมทั้งยังเป็นการเปิดตัวสนามบินอู่ตะเภาในระดับเวิลด์คลาสได้อีกด้วย
“กอบกาญจน์” ประเมินว่า การจัดการแข่งขันดังกล่าวนี้จะสามารถสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องได้กว่า 3,450 ล้านบาท
ม.ค.-8 พ.ค. รายได้ 6.2 แสน ล.
สำหรับสถานการณ์การท่องเที่ยวล่าสุด (ณ 9 พฤษภาคม 2559) พบว่า ระหว่างวันที่ 1-8 พฤษภาคมที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาประเทศไทย จำนวน 6.41 แสนคน เพิ่มขึ้น 8.09% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติรวม 30,704 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 10.50%
ทั้งนี้ หากนับตั้งแต่ 1 มกราคม-8 พฤษภาคมที่ผ่านมา พบว่า มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาประเทศไทยรวม 12.3 ล้านคน ขยายตัวเพิ่มขึ้น 13.61% และทำให้เกิดรายได้รวม 6.24 แสนล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 18.43% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
จากตัวเลขข้างต้นจะเห็นว่า การเติบโตของมูลค่ารายได้มากกว่าจำนวนนักท่องเที่ยว บ่งชี้ชัดเจนว่านักท่องเที่ยวต่างชาติมีปริมาณการใช้จ่ายต่อหัวที่เพิ่มขึ้น ซึ่งสอดรับกับแนวทางการทำการตลาดของประเทศไทย ที่มุ่งเพิ่มรายได้ต่อหัวของนักท่องเที่ยวมากกว่าเน้นในเรื่องปริมาณนักท่องเที่ยว
ผู้โดยสารเพิ่มขึ้นทุกสนามบิน
นอกจากนี้ยังพบว่า สนามบินหลัก 5 แห่งของไทย ประกอบด้วย สุวรรณภูมิ, ดอนเมือง, ภูเก็ต, หาดใหญ่ และเชียงใหม่ ซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดราว 80% มีปริมาณนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนด้วยเช่นกัน
โดยในวันที่ 1-8 พฤษภาคมที่ผ่านมา พบว่ามีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้า-ออกผ่านสนามบินทั้ง 5 แห่งนี้รวม 5.18 แสนคน เพิ่มขึ้น 10.72% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสนามบินที่มีอัตราการขยายตัวมากที่สุด คือ ดอนเมือง เพิ่มขึ้น 37.06% ซึ่งเป็นผลจากการขยายการให้บริการของอาคาร 2 รองลงมาคือ ภูเก็ต เพิ่มขึ้น 18.08% และเชื่อมั่นว่าหากสนามบินภูเก็ตเปิดให้บริการเฟส 2 จะยิ่งช่วยหนุนให้มีอัตราการขยายตัวที่เพิ่มได้อีกมาก หาดใหญ่ เพิ่มขึ้น 14.12% สุวรรณภูมิ เพิ่มขึ้น 3.91% และเชียงใหม่ เพิ่มขึ้น 0.44%
“รัสเซีย” เริ่มกลับมาแล้ว
อย่างไรก็ตาม หากตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในตลาดหลัก ช่วงที่ผ่านมา ยังพบว่านักท่องเที่ยวจีน ยังคงครองปริมาณสูงสุดเป็นอันดับ 1 ด้วยจำนวน 3.67 ล้านคน เพิ่มขึ้น 25.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เกาหลี จำนวน 5.54 แสนคน ขยายตัวเพิ่มขึ้น 14.03% ญี่ปุ่น จำนวน 5.25 แสนคน เพิ่มขึ้น 3.88% รัสเซีย จำนวน 4.67 แสนคน เพิ่มขึ้น 17.14% และอินเดีย จำนวน 3.90 แสนคน เพิ่มขึ้น 10.71%
จากแนวโน้มนี้ส่งสัญญาณให้เห็นว่า ตลาดรัสเซีย ซึ่งเป็นตลาดที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจและค่าเงิน ซึ่งทำให้ตลาดรัสเซียติดลบต่อเนื่องในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เริ่มกลับมาเดินทางท่องเที่ยว และเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยแล้ว
คาดปีนี้รายได้ทะลุแตะเป้าปี′60
จากตัวเลขรายได้รวม 6.24 แสนล้านบาท ในช่วง 4 เดือนแรก (มกราคม-เมษายน) ที่ผ่านมานั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯประเมินว่า หากไม่มีเหตุการณ์เลวร้ายอะไรมาส่งผลกระทบต่อภาคท่องเที่ยวของไทยอาจทำตัวเลขรายได้รวมทั้งปีจากตลาดต่างประเทศเกินเป้าหมายที่วางไว้ที่1.56ล้านล้านบาทได้
และอาจทำให้ภาคการท่องเที่ยวของไทยมีรายได้รวมสำหรับปีนี้ใกล้เคียงกับเป้ารายได้ของปี 2560 ที่วางไว้ที่ 2.5 ล้านล้านบาท
ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นทางกระทรวงอาจต้องปรับเพิ่มเป้ารายได้รวมสำหรับปี 2560 อีกครั้ง
updated: 16 พ.ค. 2559 เวลา 08:00:00 น.